หน้าแรก
บทความ
เว็บบอร์ด
รวมรูปภาพ
คลิปวีดีโอ
ติดต่อเรา
บทความ
สังคมปัจจุบันมีผู้คนล้มป่วยไม่สบาย และเสียชีวิตด้วยโรคของหลอดเลือดต่างๆ มากมาย
ตามข้อมูลเปิดเผยล่าสุดขององค์การอนามัยโลกและกระทรวงสาธารณสุขไทย
ในปี 2018 คนไทยป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง 5,597.678 คน
ในปี 2019 ทั่วโลกมีผู้ป่วยความดันโลหิตสูง 1 พัน ล้านคน เสียชีวิต 7.5 ล้านคน
ในปี 2019 ทั่วโลกมีผู้ป่วยเบาหวาน 629 ล้านคน เสียชีวิต 15 ล้านคน
ในปี 2019 คนไทยป่วยโรคเบาหวาน 4.8 ล้านคน เสียชีวิต 200 คนต่อวัน
ในปี 2016 ทั่วโลกมีประชากรเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ 9.2 ล้านคน
ในปี 2021 คนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจ 4.3 แสนคน/ต่อปี เสียชีวิตซม.ละ 2 คน
ในปี 2019 โลกมีผู้ป่วยมะเร็ง 18 ล้านคน เสียชีวิต 9.6 ล้านคน
( อาการโรคมะเร็งนี้ รวมถึง มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม ฯล )
ในปี 2019 คนไทย เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง 78,540 คน เฉลี่ยต่อวัน 215 คนนอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยด้วยโรคไต โรคข้อต่อต่าง ๆ เจ็บปวดอักเสบมากมาย
ผู้ป่วยโควิททั่วโลก 654 ล้าน (21 ธันวาคม 2565 ) เสียชีวิต 6.67 ล้าน
ตามองค์การอนามัยโลกประเมิน อาการโรคต่าง ๆ ของโรคหลอดเลือด ทั่วโลก (รวมทั้งประเทศไทย ) จะเพิ่มทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุก ๆ ปี
อาการโรคต่างๆ ของหลอดเลือดไม่เพียงแต่ทำให้ผู้คนในสังคม ล้มป่วยเจ็บตายมากมาย ปี ๆ หนึ่ง ทางภาครัฐกระทรวงสาธารณสุขได้จัดสรรงบประมาณมากมาย ในด้านหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า ปี พ.ศ 2565 สูงถึง 198,897.79 ล้านบาท เพื่อนำมาดูแลเสริมสร้างรักษาโรคต่างๆ ให้ กับประชาชน โดยเฉพาะเกี่ยวกับอาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือด
แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ภาพรวมสุขภาพร่างกายคนไทยมิได้แข็งแรงดีขึ้น ผู้ป่วยลดน้อยลง แต่สุขภาพกลับทรุดโทรมอ่อนแอลง คนป่วยกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
สาเหตุและปัจจัยลบอะไรทำให้ผู้คนมากมายในสังคม ล้มป่วยเจ็บตายด้วยอาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือด
มนุษย์เจ็บป่วยไม่สบายจะกระทบกระเทือนบั่นทอนจาก 2 ปัจจัยหลัก คือปัจจัยลบภายนอกและปัจจับภายใน
ปัจจุบันปัจจัยลบที่กระทบกระเทือน บั่นทอนสภาพร่างกายมนุษย์ มิเพียงแค่เกิดจากพิษของดิน ฟ้า อากาศภายนอก เช่น พิษของ ลม ความเย็น ความร้อนอบอ้าว ความชื้น ไฟ(ความร้อน) ความแห้ง และ ปัจจัยภายใน อารมย์ความรู้สึก เช่น โกรธ เศร้าโศก ยินดี วิตกกังวล ครุ่นคิด หวาดกลัว ตกใจ เหมือนมนุษย์ในสมัยก่อน สมัยดึกดำบรรพ์ หรือกระทั่งมนุษย์อยู่ในสังคมระบบศักดินา
สมัยนี้ปัจจัยลบภายนอกและภายในที่ บั่นทอนสุขภาพร่างกายของมนุษย์ รุนแรงและสลับซับซ้อนมากกว่าที่เราคาดคิดและประเมินได้
ปัญหาหลักใหญ่ ๆ เกิดจาก 200 กว่าปีที่ผ่านมาทั่วโลกนานาประเทศ แข่งขันพัฒนาให้เป็นประเทศอุตสาหกรรม ขยายกำลังผลิตด้านอุตสาหกรรมขยายพื้นที่ทำการเพาะปลูกของเกษตรกรรม ขยายคมนาคมสร้างถนนหนทางต่างๆ ขยายเมืองเพื่อรองรับผู้คนที่อยู่อย่างหนาแน่น ขยายสาธารณูปโภค เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ(GDP) แต่ขาดการวางแผนโครงการให้รอบครอบรัดกุม เพื่อมิให้ธรรมชาติ และสภาพแวดล้อมสังคมถูกทำลาย แต่ปล่อยให้พัฒนาขยายอย่างไร้แผน ไร้การควบคุมเข็มงวดรัดกุม จนก่อเกิดผลเสียผลร้ายต่อธรรมชาติ และ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ดังเช่น
- ป่าไม้ทั่วโลกถูกโค่นล้มทำลาย มากมาย ระบบนิเวศและสัตว์ป่าถูกทำร้ายทำลาย จนทำให้ภาพรวมธรรมชาติ ทั่วโลกสูญเสียความสมดุลอย่างมาก
- ควันดำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซพิษต่างๆ ปล่อยออกจากปล่องของโรงงาน แสน ๆ ล้าน ๆ แห่ง บินว่อนอยู่ในชั้นอากาศ
- บนถนน รถยนต์เป็นแสน ๆ ล้าน ๆ คัน ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซพิษบินลอยอยู่บริเวณ ถนนและชั้นอากาศ
- ตามหัวเมืองต่าง ๆ เครื่องปรับอากาศ แสน ๆ ล้าน ๆ เครื่องจากตึกสูงคอนโด ศูนย์การค้า OFFICE จากร้านค้า ตึกแถว บ้านพัก ปล่อยความร้อนและก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ ลอยอยู่ในเมือง และชั้นอากาศ
- การสร้างขยายเมือง สร้างถนนหนทาง สร้างรถไฟฟ้าใต้ดินและลอยฟ้า ก่อเกิดฝุ่นพิษความร้อน ก๊าซพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ บินลอยอยู่บริเวณถนนและชั้นอากาศ
- ทุกปีหลังเก็บเกี่ยว ชาวนาชาวไร่ ต้องเผาต้นพืช ต้นหญ้า ใบไม้ ก่อเกิดควันดำ ความร้อน ก๊าซพิษต่าง ๆ ปลิวลอยว่อนไปทั่วบริเวณ หรือกระทั่งแปรสภาพเป็นฝุ่นพิษ PM 2.5
ความร้อน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซพิษต่าง ๆ บินลอยอยู่บนชั้นอากาศของโลก ทำให้ก่อเกิดมลภาวะเป็นพิษรุนแรง ทำให้เรือนกระจกโลกเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้อุณหภูมิของทั่วโลกเพิ่มสูง ขึ้นทุก ๆ ปี ส่งผลทำให้ฤดูผันแปรไม่แน่นอน อุณหภูมิเปลี่ยนแปรงอย่างรุนแรง กระทบกระเทือนบั่นทอนสุขภาพร่างกายมนุษย์ ในเวลาเดียวกันยังก่อเกิดภัยธรรมชาติต่าง ๆ ตามมา เช่น ไฟไหม้ป่า ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว ลมมรสุมรุนแรง น้ำท่วม ฯล นอกจากทำลายทรัพย์สิน ของมนุษย์มากมาย ฆ่าชีวิตมนุษย์มากมาย และซ้ำเติมทำให้สิ่งแวดล้อมมลภาวะเป็นพิษเพิ่มสูงขึ้น
- ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา สายพันธ์ต่าง ๆ ของเชื้อไวรัสของโควิท 19 แพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้ผู้คนมากมาย ล้มป่วยเสียชีวิต จนถึงปัจจุบันในชั้นอากาส ยังมีเชื้อไวรัสโควิด 19 ปะบนอยู่ ยังแพร่เชื้อทำร้ายมนุษย์อยู่ต่อเนื่อง อย่างไม่หยุดยั้ง
ทั้งหมดคือปัจจัยลบภายนอก ต่าง ๆ ที่คอยกระทบกระเทือน บั่นทอนสุขภาพร่างกายมนุษย์ในสมัยสังคมปัจจุบัน แล้วมนุษย์เราจะต้านทานไหวไหม ป้องกันได้อยู่ไหม
ปัจจัยลบภายใน
ร่างกายมนุษย์ตกอยู่ในสภาพที่ถูกปัจจัยลบภายนอก กระทบกระเทือนบั่นทอนอยู่เกือบตลอดเวลา เช่นนี้ ผู้คนส่วนมากในสังคมมิได้ให้ความสนใจ เอาใจใส่ มิได้ตื่นตัว เพื่อหามาตรการมาปรับปรุงร่างกายตนให้สอดคล้องกับสังคมสิ่งแวดล้อมที่มีอยู่ แต่กลับดำเนินชีวิตที่สวนทาง ขัดกับธรรมชาติ ประมาท สะเพร่า สะท้อนออกจาก
- การเคลื่อนไหวร่างกายของผู้คนส่วนมาก ลดต่ำลง สาเหตุมาจาก ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ ความเจริญก้าวหน้าทันสมัยของสังคม และวิธีการดำเนินชีวิตแบบสมัยใหม่
ทำให้คนในสมัยนี้ เดินทางสัญจรไปมา ไม่ต้องใช้ 2 เท้า เดินทางเป็นหลักเพราะสังคมมีอุปกรณ์เครื่องผ่อนแรงต่าง ๆ เช่น รถยนต์ รถไฟ รถไฟฟ้า เครื่องบิน เครื่องยนต์ ลิฟต์ บันไดเลื่อนคอยบริการรับส่ง 2 มือ ก็ไม่จำเป็นต้องขยับทำงานอยู่เกือบตลอดเวลา เพราะมีเครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรอัตโนมัติ คอมพิวเตอร์ ทดแทนการใช้แรงงานทำงาน เพียงแต่ใช้นิ้วใช้มือกดปุ่มเครื่องจักร ดังกล่าวต่าง ๆ ก็จะช่วยเราทำได้เกือบทุกอย่าง
คอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ต มือถือ 4G 5G ยิ่งใช้แพร่หลายกว้างขวาง ยิ่งทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายของมนุษย์ ในสังคมปัจจุบันยิ่งลดลง ยิ่งตกต่ำ เพราะเครื่องอุปกรณ์ IT ทันสมัยต่าง ๆ ดังกล่าวเป็นศูนย์รวมข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ทุกๆ ด้าน รวมทั้งรายการบันเทิงต่าง ๆ ทำให้สามารถพูดคุย เจรจาทำการค้า ทำสัญญาตกลงการชื้อขายกับอีกฝ่าย ได้อย่างสะดวกสบายถึงแม้อีกฝ่ายจะอยู่ห่างไกลสุดขอบฟ้า หรือแม้กระทั่งสามารถช่วยบริการ รับส่งสินค้าหรืออาหารการกินที่เราต้องการได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่เราใช้นิ้วมือกดปุ่มของอุปกรณ์ดังกล่าว
ความสะดวกสบาย เช่นนี้ จึงทำให้ พนักงานในบริษัทหน่วยงานต่าง ๆ นั่งทำงานอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ INTERNET ต่อเนื่องหลาย ๆ ชั่วโมง และทำให้ผู้คนไม่น้อยในสังคมโดยเฉพาะ หนุ่มสาว เด็กวัยรุ่นดูมือถือ รายการบันเทิง ต่าง ๆ ต่อเนื่องหลายชั่วโมง
ผู้คนส่วนมากในสังคมหารู้ไม่ว่าวิธีดำเนิน ชีวิต สมัยใหม่ สะดวกสบายเช่นนี้ จะส่งผลร้าย ผลเสียต่อสุขภาพร่างกายของตนอย่างมาก การเคลื่อนไหวร่างกายที่ลดลง ตกต่ำจะส่งผลทำให้ประสิทธิภาพงานของเขตสะท้อนต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ 2 ข้างเท้า ระบบเส้นลมปราณจุดลมปราณ ระบบเส้นประสาทเชลล์ประสาทต่าง ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย ประสิทธิภาพภาพตกต่ำ เสมือนถูกบล็อกไว้ ส่งผลทำให้เลือดที่ไหลเวียนอยู่ในหลอดเลือด ไหลเวียนช้าลงไม่สม่ำเสมอและส่งผลกระทบกระเทือนทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายประสิทธิภาพงานพลอยตกต่ำ (เพราะการปฎิบัติหน้าที่งานของกลไกระบบเขตสะท้อน ระบบเส้นลมปราณ ระบบเส้นประสาท มีเกี่ยวสัมพันธ์กับการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดกับ การปฎิบัติหน้าที่งานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายอย่างใกล้ชิด ) โดยเฉพาะระบบย่อยขับถ่ายระบบกลั่นกรองและดุลยภาพในร่างกายตกต่ำ ร่างกายมนุษย์ก็จะไม่สามารถขับของเสียสารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ของเสียสารพิษต่าง ๆ ทยอยตกค้าง สะสมอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะตกค้างสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดของอวัยวะต่าง ๆ สะสมนานวันก็จะแปรสภาพเป็นพิษคาร์บอนไดออกไซด์ พิษของความชื้น ลิ่มเลือด หรือกระทั่งเป็นก้อนเนื้อร้าย ทำให้เลือดไหลเวียนหล่อเลี้ยงติดขัด อวัยวะต่าง ๆ มิได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ นานวันโครงสร้างส่วนประกอบเช่นเนื้อเยื่อ เอ็น หมอนรองกระดูก ส่วนประกอบชิ้นเล็กชิ้นน้อย จะเสื่อมโทรม ชำรุ จนก่อเกิดอาการเจ็บปวดไม่สบายของอวัยวะตามมา
- ในสังคมมีบุคคลไม่น้อย ปกติไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกายไม่ออกกำลังกายเป็นประจำ เสริมสร้างสุขภาพร่างกายคน แต่กลับดำเนินชีวิตประมาทสะเพร่า ยังสูบบุหรี่ดื่มเหล้า เบียร์เกินปริมาณบ่อยครั้งเหมือนเดิม นิยมทานอาหารตามเหลา ภัตตาคารบ่อยครั้ง อาการปรุงแต่งเกินควร รสเค็ม รสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด โปรตีน ไขมันสูง อาหารที่ย่อยสลายยาก นิยมดื่มกาแฟ เครื่องดื่มที่เจือปนสารคาเฟอีนมากระตุ้นอารมย์ในการทำงาน
วิธีดำเนินชีวิตเช่นนี้บ่อยครั้ง นานวัน จะส่งผลทำให้ระบบย่อยขับถ่ายในร่างกาย กระเพราะอาหารลำไส้ ฯลฯ ต้องทำงานหนัก ยังจะก่อเกิดโรคของระบบย่อยขับถ่ายตามมา เช่น ท้องผูก กระเพาะอาหาร ลำไส้ อักเสบ หรือเป็นเนื้อร้าย และยังส่งผลบั่นทอนประสิทธิภาพงานของไต ( เพราะไตไม่ชอบสารนิโคติน สารคาเฟอีน อาหารรสจัด ) ไตพร่อง ประสิทธิภาพงานตำต่ำ ก็จะก่อเกิดอาการโรคต่าง ๆ ตามมา
- อาหารการกินการดื่มที่เราบริโภคอยู่ ส่วนมากเติมสารเคมีหรือกระทั่งเติมใส่สารพิษ ยาฆ่าเชื้อ ฆ่าแมลง ยากันบูด สารเคมีต่างๆ เหล่านี้ ถูกเรานำเข้าร่างกาย แล้วไม่สามารถถูกขับออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ จะกลายเป็นสารพิษของเสียสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะสารยาเคมีที่มีพิษ ยิ่งจะบั่นทอนทำลายประสิทธิภาพงานของปอด ไต ฯล
- ในสังคมมีบุคคลไม่น้อย โดยเฉพาะหนุ่มสาว วัยกลางคน ต้องรับผิดชอบภาระครอบครัวหนัก งานการรับผิดชอบมาก บ่อยครั้งจะทำงานเกินเวลาเกินกำลังของตน นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ปกติไม่ค่อยจัดเวลาออกกำลังกาย นิยมดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มเจือปน คาเฟอีน มากระตุ้นอารมณ์ในการทำงาน ร่างกายเหนื่อยอ่อนล้าถึงระดับหนึ่งหรือกระทั่งไม่สบาย นิยมใช้ยามาขจัดแก้ไขอาการโรคที่ทีอยู่ สารยาเคมีที่มีผลข้างเคียงรับประทานบ่อยครั้ง จะบั่นทอนถูกประสิทธิภาพงานของกระเพาะอาหาร ไต ไตพร่องทำให้ร่างกายอ่อนแอภูมิคุ้มกัน ตกต่ำ ก็ง่ายก่อเกิดอาการโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา
เกือบทุกประเทศมีพลเมืองกลุ่มใหญ่ ๆ ร่างกายมีโรคประจำตัวสะสมอยู่ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคปอดอักเสบ โรคหัวใจ ไต่พร่อง ต่อมลูกหมากโต หรืออาการโรคเรื้อรัง ทุกวันต้องรับประทานยาควบคุมอาการ ตามแพทย์สั่งจ่ายให้ บุคคลดังกล่าส่วนมากจะไม่ไปเช็คถามตรวจดูว่า ยาควบคุมอาการต่าง ๆ ดังกล่าว ส่วนมากจะก่อเกิดผลข้างคียงบั่นทอนประสิทธิภาพงานของกระเพราะอาหารและไต และไม่สกิดใจควรสรรหามาตราการ วิธีการมาเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อลดผลจากการบั่นทอนจากสารยาเคมี ที่รับประทาน แต่ยังรับประทานต่อเนื่องบ่อยครั้งนานวัน จะทำให้ง่ายก่อเกิดอาการโรคแทรกซ้อนตามมา
ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นสภาพความจริงของร่างกายมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน ร่างกายอ่อนแอสลับซับซ้อนโรคเยอะ สาเหตุเพราะร่างกายถูกปัจจับลบทั้งภายนอกภายใน กระทบกระเทือนบั่นทอนอยู่เกือบตลอดเวลา ทำให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียน ไร้ระเบียบไร้พลัง ไหลเวียนไม่สม่ำเสมอ อวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายประสิทธิภาพงานตกต่ำ ขาดพลังขับของเสียสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้เกิดมีของเสีย สารพิษต่าง ๆ ตกค้างสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดของอวัยวะ ต่าง ๆ ในร่างกาย สะสมเกาะติดแน่น โครงสร้างส่วนประกอบของอวัยวะไม่ได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงสม่ำเสมอ นานวันก็เกิดการเสื่อมโทรม ชำรุ จนทำให้อวัยวะ ก่อเกิดอาการเจ็บป่วยไม่สบายต่าง ๆ ตามมา เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ปอดอักเสบ โรคหัวใจ ไตพร่อง ต่อมลูกหมากโต อาการโรคเรื้อรังต่าง ๆ หรือกระทั้งเป็นมะเร็ง ฯล
ก็สาเหตุสุขภาพร่างกายมนุษย์ในสมัยปัจจุบันที่ทรุดโทรม อ่อนแอ ภูมิคุ้มกันตกต่ำ เช่นนี้ ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมาเชื้อไวรัสโควิท 19 เริ่มแพร่เชื้อกระจายอยู่แค่บริเวณท้องถิ่นหนึ่ง ได้แพร่กว้างกระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งของทั่วโลก จนทำให้ผู้คนล้มป่วยเจ็บตายมากมาย เสมือนประกายไฟลามเผาทุ่ง จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่รู้ว่ามนุษย์เราจะดับไฟป่าของโควิท 19 นี้ ได้เมื่อไหร่
แล้วมนุษย์เราจะสามารถบำบัดขจัดอาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือดให้ทุเลาหายดีได้ไหม ? ทัศน์คติของผู้เขียน เราสามารถทำได้สามารถขจัดกำจัดอาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือดให้ทุเลาหายดี
บทวิพากษ์
อาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือด ที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์เราเป็นวัตถุแปลกปลอมที่ซ่อนแร้นอยู่ในร่างกาย เหมือนวัตถุทั่วไป ๆ ที่มีอยู่ในจักรวาล วัตถุทั่วไปในจักรวาลจะมีการเคลื่อนไหว แปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตามหลักการกฎเกณฑ์ของวัตถุนั้น ๆ ถ้าหากเราใช้ทัศน์คติวิพากษ์วัตถุนิยม เจาะลึกวิเคราะห์หาต้นตอสาเหตุของโรค สภาพอาการสุขภาพร่างกายของผู้ป่วย แล้วนำวิธีบำบัดที่มีประสิทธิภาพมาทำการบำบัด ขจัดอาการโรคของผู้ป่วยที่มีอยู่ อาการโรคที่รุนแรงก็จะสามารถทยอยถูกบำบัดขจัดแก้ไขให้เบาลง เล็กลง จนทุเลาหายดีและอาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือดก็จะสามารถทยอยถูกขจัดกำจัดให้ทุเลาหายได้ดี
ปมสุขภาพร่างกายของมนุษย์สมัยสังคมปัจจุบัน ในร่างกายมี อาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือดที่สะสมอยู่ สาเหตุเพราะภูมิคุ้มกันร่างกายตกต่ำ ร่างกายขาดพลังในการขจัดขับของเสีย สารพิษต่าง ๆ ออกจากร่างกายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้มีของเสียสารพิษต่าง ๆ เช่น ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ความชื้น(เสีย) ลิ่มเลือด หรือกระทั่งก้อนเนื้อเนื้อร้ายสะสม ทำให้เลือดลมไหลเวียนหล่อเลี้ยงติดขัด และทำให้โครงสร้างส่วนประกอบ เช่น หมอนรองกระดูก เส้นเอ็น เนื้อเยื่อ โครงสร้างชิ้นเล็กชิ้นน้อย เสื่อมโทรม ชำรุ จนก่อเกิดอาการเจ็บปวดอักเสบ ไม่สบายตามมา และส่งผลทำให้หลอดเลือดสกปรก เลือดไหลเวียนในหลอดเลือดติดขัด ทำให้ หยิน หยางร่างกายสูญเสียความสมดุล ภูมิคุ้มกันตกต่ำ จนก่อเกิดอาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือดตามมา วิธีบำบัดที่สอดคล้องกับอาการโรคที่มีประสิทธิภาพ ต้องขับเคลื่อนผลักดันอวัยวะทุกส่วนในร่างกาย กลับมาทำงานที่มีพลัง มีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนให้เลือดไหลเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะใช้มาตราการบำบัดที่มีประสิทธิภาพ ทำการบำบัดขจัดขจัดดึงของเสีย สารพิษต่าง ๆ (รวมลิ้มเลือด ) ออกจากผนังหลอดเลือดของอวัยวะ ให้เลือดกลับมาไหลเวียนหล่อเลี้ยงเข้าสู่ปกติ และจากดุลยภาพบำบัดในร่างกาย เลือดที่มีคุณภาพกลับมาไหลเวียนหล่อเลี้ยงอย่างปกติ โครงสร้างส่วนประกอบที่ทรุดโทรม ชำรุ ก็จะถูกบูรณะกลับมาเสริมสร้างใหม่ ทั่วร่างกายถูกปรับเข้าสู่สมดุล ภูมิคุ้มกันแข็งแรงดีขึ้น อาการโรคต่าง ๆ ที่มีอยู่ก็จะทุเลาหายดี
แพทย์ทางเลือกสามประสาน เป็นแพทย์ทางเลือกหนึ่งที่สามารถเสริมช่วยวงการแพทย์ ทำการบำบัดขจัดอาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือดให้ทุเลาหายดีอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
แพทย์ทางเลือกสามประสาน คือศาสตร์ของการนวดฝ่าเท้าแบบจีน ประสานกับศาสตร์ของการนวดกดจุดลมปราณ และประสานกับศาสตร์การวางครอบถ้วยดูด ยังผนวกกับทฤษฎีพื้นฐานแพทย์แผนจีน ทฤษฎีระบบอวัยวะ(แพทย์แผนปัจจุบัน) แพทย์ทางเลือกสามประสานนี้สอดคล้องกับสภาพการณ์สิ่งแวดล้อม สังคมปัจจุบัน สอดคล้องกับสภาพการณ์สุขภาพร่างกายของ มนุษย์สังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะสามารถทำการบำบัดขจัดอาการโรคต่าง ๆ ของหลอดเลือดที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล วิธีทำการ-เน้นบำบัดอาการโรคโดยทั่วหน้าควบคู่กับการบำบัด อาการโรคที่รุนแรง (เฉพาะทาง ) ไปพร้อม ๆ กัน โดยขับเคลื่อนกระตุ้นผลักดันให้กลไกลของเขตสะท้อนที่ต่าง ๆ กระจาย 2 ข้างฝ่าเท้า กลไกของระบบเส้นลมปราณ จุดลมปราณ กลไกของระบบเส้นประสาทเซลล์ประสาท ที่กระจายอยู่ทั่วร่างกายตื่นตัวปฎิบัติหน้าที่งานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลขับเคลื่อนให้เลือดไหวเวียนในหลอดเลือดที่กลับมาไหลเวียน อย่างมีพลังที่มีประสิทธิภาพและปรับอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะนำเข็มเฉพาะมาเจาะแทง จุดลมปราณบนผิวหนังที่เกี่ยวสัมพันธ์กับอวัยวะภายในร่างกาย ที่สะท้อนออกมีอาการรุนแรง มีของเสียสารพิษรวมทั้งลิ้มเลือดเกาะติดสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด แล้วใช้ถ้วยดูดครอบดูดอีกครั้ง ดึงดูดของเสียสารพิษต่าง ๆ ( รวมทั้งลิ่มเลือด ) ออกจากผนังหลอดเลือด ดังกล่าว และดูดออกมาอยู่บนผิวหนังภายในรัศมีของครอบถ้วยดูด ของเสียสารพิษต่าง ๆ ถูกขจัดออกจากผิวหนัง รูขุมขนของบริเวณผิวหนังที่ปริแตก จะทำการปิดโดยปริยาย และจากการดุลยภาพบำบัดในร่างกาย ของเสียสารพิษทยอยถูกกำจัดขจัดออกจากผนังหลอดเลือด เลือดดีกลับมาไหลเวียนหล่อเลี้ยงเข้าสู่ปกติ โครงสร้างส่วนประกอบต่าง ๆ ของอวัยวะที่เสื่อมโทรมชำรุด จะทยอยถูกบูรณะซ่อมแซมปรับเข้าสู่สภาพปกติ อาการเจ็บปวดอักเสบ ไม่สบายของอวัยวะก็จะทุเลาหายดีสุขภาพร่างกายผู้ป่วยจะทยอยฟื้นฟูแข็งแรงดีขึ้น
วิธีบำบัดดังกล่าว เสมือนแพทย์(ปัจจุบัน) ทำการผ่าตัดอวัยวะที่มีอาการเจ็บป่วยสาหัสรุนแรง เป็นวิธีบำบัดของแพทย์ทางเลือกแพทย์แผนจีนสืบทอดถ่ายทอดมาเป็นเวลาหลายพันปี เป็นวิธีบำบัดที่สามารถทำการบำบัด ขจัดสารพิษลิ่มเลือด ออกจากผนังหลอดเลือดของอวัยวะโดยตรง และเป็นวิธีบำบัดที่ปลอดภัยไปก่อเกิดผลเสีย ผลข้างเคียงต่อผิวหนังต่อสุขภาพร่างกายผู้ป่วย (เพราะรัศมีภายในถ้วยแก้วดูดเป็นสูญญากาศ สารพิษ เชื้อโรคภายนอก จะไม่สามารถแทรกซึมเข้าไปในถ้วยดูด ผ่านผิวหนังเข้าสู่ร่างกาย )
ผู้เขียนช่วงหนุ่ม สุขภาพร่างกายทรุดโทรมอ่อนแอ ในร่างกายมีอาการโรคของหลอดเลือดหลายอย่าง ช่วงอายุ 24 ปี หลังประสบอุบัติเหตุรถชนกัน 2 ข้างข้อเข่าบาดเจ็บสาหัสรุนแรง รับการบำบัดจากแพทย์ (แผนปัจจุบัน) 14 ปี อาการมิได้ทุเลาดีขึ้นแต่กลับอักเสบรุนแรง จนสุดท้ายจากการ x-ray แพทย์วินิจฉัยอาการว่า โครงสร้างส่วนประกอบของ 2 ข้อเข่า ชำรุ เสียหายอย่างรุนแรง ไม่สามารถเยี่ยวยาด้วยวิธีใดๆ จำเป็นต้องรีบเดินทางไปต่างประเทศทำการผ่าตัดบำบัด มิฉะนั้น 2 ข้างเท้าจะทยอยลีบเล็กลงเหมือนขานก สุดท้ายอาจต้องตัด 2 ข้างเท้าออก แล้วนำขาเทียมมารใส่แทน นอกจากนั้นยังก่อเกิดอาการเจ็บปวดอักเสบตามข้อไหล่ ต้นคอ ข้อเอว เป็นหวัด ปวดหัว บ่อยครั้ง ระบบย่อยขับถ่ายไม่ปกติจนก่อเกิดอาการกระเพาะอาหารอักเสบเป็นแผล (รับการบำบัดกับแพทย์ต่อเนื่อง 3 ปี ) เคยมีอาการโรคเบาหวาน ปอดอักเสบ โรคหัวใจ เกิดอาการโรคหัวใจรุนแรง 2 ครั้ง จนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ช่วงระหว่างอายุ 40 ปีตลอดถึง 50 ปี ในช่วง 10 ปีดังกล่าว กลางคืนหลับนอนไม่ดี ทุกคืนจะหลับได้เพียง 2-3 ชั่วโมง ก็ไม่สามารถนอนหลับต่อ ทั่วร่างกายทรุดโทรมเจ็บปวดอักเสบจนเข้าใกล้ขั้นอัมพฤกษ์ ย่างเข้าวัย 50 ปี เริ่มสนใจศึกษาธรรมชาติบำบัดแพทย์ทางเลือก ยังเดินทางเฉพาะไปประเทศจีน กราบปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญแพทย์ทางเลือก 3 ท่านเป็นครูบาอาจารย์ ศึกษาความรู้วิชาและวางครอบถ้วยดูด 18 ถ้วย กับศาสดาจารย์ วูชุนซี ศึกษาความรู้วิชานวดฝ่าเท้าแบบจีนที่ถ่ายทอดในตระกูลหลายรุ่นของแพทย์แผนจีน จงเชิ่งเวย และวิชาความรู้พร้อมวิธีบำบัดนวดกดจุดลมปราณของอาจารย์เนิ่งหลี่หงษ์ หลังจากนั้นได้นำศาสตร์ทั้ง 3 วิธี มาผนวกด้วยกันและยังผนวกกับทฤษฎีพื้นฐานแพทย์แผนจีน และทฤษฎีระบบอวัยวะ (ของแพทย์แผนปัจจุบัน ) หลังจากนั้นได้นำศาสตร์แพทย์ดังกล่าวมาบำบัดอาการโรคต่าง ๆ ที่มีอยู่ในร่างกาย สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นอาการโรคต่างๆ ที่สะสมอยู่ในร่างกายตน ได้ถูกขจัดแก้ไขทุเลาหายดี หลังจากนั้นยังได้นำศาสตร์แพทย์ดังกล่าว ทำการบำบัดอาการโรคต่าง ๆ (โดยเฉพาะอาการโรคของหลอดเลือด) ให้กับญาติเพื่อนฝูงผู้ป่วยต่าง ๆ ในสังคม เช่น เดียวกับอาการโรคต่าง ๆ ที่มีอยู่ของผู้ป่วย ได้ถูกขจัดทุเลาหายดี
ปี 2009-2010 ผู้เขียนเคยถูกเชิญเป็นวิทยากร ทำการสอนถ่ายทอดวิชาความรู้ พร้อมวิธีบำบัดของแพทย์ทางเลือกสามประสาน ให้กับบุคลากรแพทย์ติดต่อ 2 รุ่น ชึ่งจัดทำขึ้นโดยสำนักการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับศูนย์การแพทย์กาจนาภิเษกมหาวิทยาลัยมหิดล
10 กว่าปีที่ผ่านมา ผู้เขียนเคยถูกเชิญเป็นวิทยากรโดยกระทรวงสาธารณสุขหลายครั้ง มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลหลายแห่ง เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความรู้วิชาของแพทย์ทางเลือกสามประสาน หรือทำการสาธิบำบัดให้แพทย์และประชาชนรับฟังรับชม
6 ปีก่อน สถานีโทรทัศน์ ETV ของกระทรวงศึกษาธิการนำโดยอาจารย์ หลายท่านพร้อมกองถ่ายมาสัมภาษณ์ ผู้เขียนเกี่ยวกับความรู้วิชาของแพทย์ทางเลือกสามประสาน รวมทั่งวิธีดูแลเสริมสร้างสุขภาพเฉพาะของผู้เขียน และได้ถ่ายทำเป็นชุด Video นำไปเผยแพร่ในโทรทัศน์เครือข่ายของ ETV 7 แห่ง ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 6 ปี
ปัจจุบันผู้เขียน อายุ 81 ปี ร่างกายไม่มีโรคความดันโลหิตสูง ไม่มีเบาหวาน ปอด หัวใจ ยังทำงานปกติ ไม่มีอาการต่อมลูกหมาก โดยเฉพาะ 2 ข้าง สายตาจนถึงปัจจุบันยังรักษาไว้ได้ค่อนข้างดี ไม่เคยมีอาการสายตาสั้น สายตายาว ไม่มีอาการต้อหิน ต้อกระจก อ่านเขียนหนังสือได้ชัดเจน 30 ปีที่ผ่านมาน้อยครั้งจะเกิดอาการหวัด และตลอดเวลา 30 ปีที่ผ่านมาดังกล่าว ไม่ได้ทานยาแขนงใด ๆ เกี่ยวกับแก้อาการหวัด วิธีดูแลเสริมสร้างสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน รำมวยไท้เก๊กด้วยเท้าเปล่า เดินจ๊อกกิ้งด้วยเท้าเปล่า หรือบางเวลาสลับว่ายน้ำ ออกกำลังกายครั้งละ 1 ชั่วโมง บ่อยครั้งยังนำแพทย์ทางเลือกสามประสานมาเสริมสร้างสุขภาพ ปรับความสมดุลของร่างกาย